ในโลกไซเบอร์สเปซมีข้อมูลมากมายมหาศาล การที่จะค้นหาข้อมูลจำนวนมากมาย เราไม่อาจจะคลิกเพื่อค้นหาข้อมูลพบได้ง่าย ๆ จำเป็นจะต้องอาศัยการค้นหาข้อมูลด้วยเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า Search Engine ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่าง ๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อนคำหรือข้อความของหัวข้อนั้น ๆ ลงไปในช่องที่กำหนด คลิกปุ่มค้นหา รอสักครู่ข้อมูลอย่างย่อ ๆ และรายชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจะปรากฏให้เราเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ทันที
การค้นหาข้อมูลมี 2 วิธี คือ การค้นหาในรูปแบบ Index Directory และ การค้นหาในรูปแบบ Search Engine
.jpg)
จะดูได้ใน Web Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยขึ้นมาให้เลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกเยอะแค่ไหนอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของฐานข้อมูลใน Index ว่าในแต่ละประเภทจัดรวบรวมเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด เมื่อคุณเข้าไปถึงประเภทย่อยที่คุณสนใจแล้ว
ที่เว็บเพจจะแสดงรายชื่อของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประเภทของข้อมูลนั้นๆ ออกมา หากคุณคิดว่าเอกสารใดสนใจหรือต้องการอยากที่จะดู สามารถ Click ลงไปยัง Link เพื่อขอเชื่อมต่อทางไซต์จะได้ผลของข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงผลทันที นอกเหนือไปจากนี้ ไซต์ที่แสดงออกมานั้นทางผู้ให้บริการยังได้เรียบเรียงโดยนำเอา Site ที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดเอามาไว้ตอนบนสุดของรายชื่อที่แสดง
2. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine วิธีการอีกอย่างที่นิยมใช้การค้นหาข้อมูล คือ การใช้ Search Engine ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้ หลักการทำงานของ Search Engine จะแตกต่างจากการใช้ Index ลักษณะของมันจะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาลที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบน Internet ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมาเป็นลำดับขั้นของความสำคัญ การใช้งานจะเหมือนการสืบค้นฐานข้อมูลอื่นๆ คือ จะต้องพิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่คุณต้องการจะเข้าไป ค้นหาจากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Site ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องออกมา
10. เทคนิคการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
10.1 การค้นหาด้วยคำหรือวลีที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนเรื่องที่ต้องการค้นหา โดยทั่วไปคำสำคัญจะมีลักษณะที่สั้น กะทัดรัด ได้ใจความ มีความหมาย ระบบจะทำการค้นหาคำที่ปรากฏอยู่ในชื่อเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ต้นเรื่อง กลางเรื่องหรือท้ายเรื่อง เช่น รายงานการวิจัย เรื่อง การปรับปรุงคุณภาพและการเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิที่มีความสามารถในการทนแล้งโดยการใช้เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรม ผู้ค้นจะต้องดึงคำสำคัญที่อยู่ในชื่อเรื่องออกมาเพื่อใช้ค้นหาจากชื่อเรื่องดังกล่าว พบว่า มี Keyword หลักๆ อยู่ 3 คำ ด้วยกัน คือ ข้าวหอมมะลิ, เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรม
10.2 การกำหนดหัวข้อที่ต้องการ เป็นเทคนิคที่ใช้ในการกำหนดหรือระบุหัวเรื่องของข้อทูลที่เราต้องการ ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็จะมีเนื้อหาที่อยู่ในขอบเขตของหัวข้อที่เรากำหนด เช่น ต้องการค้นหาข้อมูลโครงงานที่เกี่ยวกับวิธีการลดปริมาณขยะ ก็ทำการกำหนดหัวข้อโดยใช้คำว่า : โครงงานเรื่อง วิธีการลดปริมาณขยะ ผ่านอินเทอร์เน็ต
10.3 การค้นหาแบบขั้นสูง (Advanced Search) เป็นการค้นหาที่ซับซ้อนมากกว่าแบบพื้นฐาน ซึ่งมีเทคนิคหรือรูปแบบการค้นที่จะช่วยให้ผู้ค้นสามารถจำกัดขอบเขตการค้นหาหรือค้นแบบเจาะจงได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
10.3.1 การสืบค้นข้อมูลโดยใช้ตรรกบูลีน (Boolean Logic) หรือ การค้นหาโดยใช้ตัวดำเนินการตรรกะ ( Logic Operators ) ค้นหาโดยใช้คำเชื่อม 3 ตัว คือ AND, OR, NOT เพื่อช่วยกำหนดขอบเขตคำค้นที่ต้องการให้แคบลงหรือกว้างขึ้น ดังนี้
1. AND (และ) ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อจำกัดหรือลดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง ระบบจะสืบค้นเฉพาะเอกสารที่มีคำแรกและคำที่สอง
ตัวอย่างการใช้
รูปแบบการใช้งาน : สัตว์เลี้ยง AND แมว
ผลลัพธ์ที่ต้องการ : ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นแมว
อธิบาย : ผลลัพธ์จากการค้นหาจะแสดงเว็บเพจที่ต้องมีคำทั้งสองคำ คือ สัตว์เลี้ยง และ แมว อยู่ภายในเว็บเพจเดียวกัน
2. OR (หรือ) ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น ระบบจะสืบค้นเอกสารทั้งหมดที่มีคำแรกและคำที่สอง หรือมีคำใดคำหนึ่งปรากฏอยู่
ตัวอย่างการใช้
รูปแบบการใช้งาน : ส้มตำไทย OR ส้มตำปูปลาร้า
ผลลัพธ์ที่ต้องการ : ข้อมูลเกี่ยวกับส้มตำไทย หรือ ส้มตำปูปลาร้า
อธิบาย : ผลลัพธ์จากการค้นหาจะแสดงเว็บเพจที่มีคำทั้งสองคำหรือคำใดคำหนึ่งปรากฏอยู่ก็ได้
3. NOT (ไม่) ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อจำกัดขอบเขตให้แคบลง ระบบจะสืบค้นเอกสารที่มีเพียงคำแรกเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้
รูปแบบการใช้งาน : สัตว์เลี้ยง NOT แมว
ผลลัพธ์ที่ต้องการ : ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ไม่เอาข้อมูลเกี่ยวกับแมว
อธิบาย : ผลลัพธ์จากการค้นหาจะแสดงเว็บเพจที่แสดงผลลัพธ์สัตว์เลี้ยงต่างๆ ยกเว้นแมว
วิธีการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
1. บีบประเด็นให้แคบลง
2. การใช้คำที่ใกล้เคียง
3. การใช้คำหลัก (Keyword)
4. หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลข
5. ใช้เครื่องหมายบวกและลบช่วย
เครื่องหมายบวก "+" ต้องใช้ติดกับคำหลักเสมอ ห้ามมีช่องว่างระหว่างเครื่องหมายบวกกับคำหลัก เช่น +เศรษฐกิจ+การเมือง หมายถึง หน้าเว็บเพจที่พบจะต้องปรากฏคำว่า "เศรษฐกิจ" และ "การเมือง" อยู่ในหน้าเดียวกันทั้งสองคำหรือ +เศรษฐกิจ การเมือง สังเกตเห็นที่คำว่า "การเมือง" ไม่ปรากฏเครื่องหมายบวก "+" อยู่ข้างหน้า เหมือนตัวอย่างบน หมายถึง การค้นหาหน้าเอกสารเว็บเพจที่จะต้องปรากฏคำว่า "เศรษฐกิจ" ในหน้าเอกสารนั้นอาจจะปรากฏหรือไม่ปรากฏคำว่า "การเมือง" ก็ได้
เครื่องหมายลบ "-" หมายถึง เป็นการระบุให้ผลลัพธ์ของการค้นหาต้องไม่ปรากฏคำนั้น อยู่หน้าเว็บเพจ เช่น โรงแรม -รีสอร์ท หมายถึง หน้าเว็บเพจนั้นต้องมีคำว่า โรงแรม แต่ต้องไม่ปรากฏคำว่า รีสอร์ท อยู่โดยการใช้งานต้องอยู่ในรูปของ A -B
หรือ +A -B โดย A และ B เป็นคำหลักที่ต้องการค้นหา
ตัวอย่าง +มะม่วง -มะม่วงอกร่อง -มะม่วงน้ำดอกไม้ หมายถึง หน้าเว็บเพจที่พบจะต้องปรากฏคำว่า "มะม่วง" แต่ต้องไม่ปรากฏคำว่า "มะม่วงอกร่อง" และ "มะม่วงน้ำดอกไม้" อยู่ในหน้าเดียวกัน
6. หลีกเลี่ยงภาษาพูด หลีกเลี่ยงคำประเภท Natural Language หรือเรียกง่ายๆ ว่า คำหรือข้อความที่เป็นภาษาพูด หรือเป็นประโยค ควรสรุปเป็นเพียงกลุ่มคำหรือวลี ที่มีความหมายรวมทั้งหมดไว้
7. Advanced Search ช่วยในการบีบประเด็นหัวข้อให้แคบลง ทำให้ได้รายชื่อเว็บไซต์ที่ตรงกับความต้องการของมากขึ้น
8. Help แต่ละเว็บ จะมี ปุ่ม help หรือ Site map ไว้คอยช่วยเหลือ แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม ซึ่ง help/site map จะมีประโยชน์มากในการอธิบาย option หรือการใช้งาน/แผนผังปลีกย่อยของแต่ละเว็บไซต์
9. การใช้เครื่องหมาย “____” เพื่อค้นหาแบบรวมคำ การค้นหาแบบหลายคำนั้น google จะไม่ได้ค้นหาคำแบบเรียงติดกัน แต่จะเป็นการแยกการค้นหาแต่ละคำ โดยที่คำอาจไม่ได้เรียงติดกัน หากต้องการผลลัพธ์แบบเรียงคำทั้งสองอยู่ติดกัน ควรใช้เครื่องหมาย “____” ให้คำที่ต้องการให้ค้นหาแบบทั้งวลีอยู่ภายใต้เครื่องหมาย

หากต้องการค้นเรื่องเกี่ยวกับเด็ก คำค้นที่ใช้ คือ child* จะได้คำเกี่ยวกับเด็กทั้งหมด เช่น child children childhood
หากต้องการค้นเรื่องเกี่ยวกับสตรี คำค้นที่ใช้คือ wom#n จะได้ทั้งคำว่า woman และ women เป็นต้น
การตัดปลายคำ ควรระวังไม่ใช้กับคำสั้นเกินไป เพราะอาจจะได้เรื่องที่ไม่ต้องการออกมาด้วย เช่น คำว่า ban* จะได้คำว่า ban banana bandit bank banner เป็นต้น ซึ่งคำเหล่านี้ไม่สัมพันธ์กันเลย
10.3.3 การใช้เครื่องหมายวงเล็บ เพื่อครอบคลุมในแต่ละส่วนคำสั่งข้อมูลที่ต้องการค้น มักใช้ร่วมกับตรรกบูลีน เพื่อแบ่งคำสั่งบูลีนเป็นส่วนๆ เช่น (television or mass media and children) หมายถึง ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก โทรทัศน์ และเด็กกับสื่อมวลชน เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น